นายกดันลงทุนรอบ 20 ปี หนุนโลจิสติกส์ฮับ

จากการที่รัฐบาลโดย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวที “IGNITE THAILAND” ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision 8 ด้าน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา มุ่งเป้าพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก เคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว รักษาพยาบาลและสุขภาพ อาหาร การบิน EV เทคโนโลยี และการเงิน ซึ่งการยกระดับการบิน-โลจิสติกส์ไทยถือเป็นอีกหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและและการดึงดูงเม็ดเงินจากต่างชาติ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 มี.ค.2567 จะแถลงแผนพัฒนาการเป็นศูนย์กลางการบินการขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) เพื่อเป็นการระเบิดศักยภาพของประเทศไทยและท่าอากาศยานไทย นำโดยกระทรวงคมนาคมที่ขานรับนโยบาย ตั้งเป้าหมายศูนย์กลางการบินของโลก (Aviation hub) และเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าแห่งภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของโลก และผลักดันสุวรรณภูมิติดสนามบินท็อป 5 ของโลกให้ได้

นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายที่จะเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค โดยจะมีโครงการที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงการเดิม และผลักดันโครงการใหม่ 

เร่งแผนศูนย์กลางการบินภูมิภาค

นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า ส่วนแรกของการส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีจะได้มีการแถลงแผนพัฒนาการเป็นศูนย์กลางการบินการขนส่งของภูมิภาค ซึ่งเป็นการขยายผลรายละเอียดจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงในงาน Ignite Thailand สัปดาห์ที่แล้ว แต่จะเป็นการลงรายละเอียดแผนการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) 

โดยแผนนี้ถือเป็นการผลักดันให้ไทยเป็นเมืองศูนย์กลางการบิน รัฐบาลจะใช้ศักยภาพและทรัพย์สินของคนประเทศไทยที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะต้องทำทั้งยกระดับและ พัฒนาสนามบินที่มีอยู่ รวมทั้งการลงทุนขยายสนามบินแห่งใหม่เพิ่มเติม เช่น สนามบินล้านนา และสนามบินอันดามัน

นอกจากการยกระดับสนามบิน ยังมีโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่รัฐบาลจะผลักดัน ซึ่งเป็นการมองภาพรวมไม่ใช่โครงการใดโครงการหนึ่ง ซึ่งการเร่งรัดการลงทุนในโครงการที่ล่าช้า เพื่อให้ไทยเป็น Logistic Hub ให้ได้ โดยมีโครงการที่จะเร่งรัดเช่น ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน ที่มีความล่าช้ายืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งรัดให้เสร็จในรัฐบาลนี้ 

ยันเดินหน้าไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อเพราะนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนใหม่ก็ยังสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) 

รวมทั้งการขยายโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนนและระบบรางเพื่อรองรับการเข้ามาของการลงทุน และการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยแหล่งเงินที่จะรองรับการลงทุนจะใช้เงินงบประมาณเท่าที่จำเป็น และดึงการร่วมลงทุนจากภาคเอกชนในรูปแบบ PPP

ทั้งนี้ประเทศไทยนั้นมีศักยภาพจะเป็นฮับของการคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ได้ สิ่งที่รัฐบาลทำจะให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่รอบ 20 ปี โดยการเชิญชวนคนมาลงทุนให้ได้มากที่สุด เพื่อปรับเปลี่ยนให้เราสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง เนื่องจากบรรยากาศการเมืองฟื้นเราต้องปรับตัวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยการเดินเข้าไปหาตลาด และสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับประเทศไทย

ที่มา https://www.bangkokbiznews.com

 

Scroll Up